ฤดูมรสุมของอินเดียปี 2018 บุกถล่มเข้าสู่ภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศ โดยในปีนี้มรสุมไม่ได้มาแบบเบาๆ เหมือนทุกปี หากแต่พรากชีวิตของประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 100 คน จากพายุฝุ่นขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในคืนวันพุธเพียงคืนเดียว ของวันที่ 2 พฤษภาคม 2018
สำนักข่าวท้องถิ่นของอินเดียรายงานว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากกระแสลมขนาดรุนแรง ซึ่งพัดพาเอาสิ่งของรวมทั้งโครงสร้างสาธารณะหล่นทับร่างกาย อีกทั้งยังมีประชาชนอีกจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากภัยธรรมชาติครั้งนี้
ตามปกติแล้วพายุฝุ่นเป็นภัยพิบัติซึ่งพบมากในประเทศอินเดีย ซึ่งในปีก่อนๆ หน้านี้ พบจำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุฝุ่นรวมแล้วเพียงไม่กี่สิบรายเท่านั้น แต่สำหรับปี 2018 ระดับความรุนแรงของพายุสร้างความตกตะลึงให้แก่เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาเป็นอย่างมาก โดยมันเดินทางจากรัฐราชสถาน ไปยังรัฐอุตตรประเทศพร้อมพัดถล่มกรุงนิวเดลีอย่างไม่ปราณีในระยะเวลาอันสั้น
นาย Hemant Gera เลขานุการแห่งหน่วยงานจัดการภัยพิบัติออกมา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า “ผมทำงานนี้มา เป็นเวลาถึง 20 ปี แต่ไม่เคยพบเจออะไรรุนแรงเท่านี้มาก่อน”
“โดยคนร้ายที่พรากชีวิตของผู้คนไปจำนวนมาก ก็คือพายุฟ้าผ่าซึ่งถล่มอย่างหนักตลอดทั้งคืน ” Bob Henson นักอุตุนิยมวิทยามือฉมังกล่าว “ซึ่งลมที่เกิดขึ้นมันแรงถึงขนาดเรียกได้ว่าเป็น downburst ความรุนแรงของมันสูสีกับพายุ ที่ถล่มอเมริกาเลยทีเดียว”
สำหรับคำว่า downburst คือ ช่วงเวลาอันร้ายแรง กระแสลมพัดลงในแนวดิ่ง โดยเริ่มจากกลุ่มเมฆลงสู่เบื้องล่าง ด้วยความเร็วอันรุนแรง ก่อนที่จะแตกกระจายตัวออกไป อีกชื่อหนึ่งของมันคือ Microburst โดยในช่วง downburst นั้นมันรุนแรงจนกระทั่งทำให้เครื่องบินตกได้เลยทีเดียว มันมีความเร็วลมมากกว่า 320 กิโลเมตรเสียอีก
รายงานจาก Bob Henson พบว่าฝุ่นละอองที่ปะปนมานั้น ไม่ได้ทำให้พายุรุนแรงขึ้น หากแต่เป็นลมต่างหากที่เป็นตัวการสำคัญ นอกจากนี้สำนักข่าว Hindustan กล่าวว่าสภาพอากาศอันอบอุ่นผิดปกติ เป็นตัวการสำคัญซึ่งทวีความรุนแรงของพายุขึ้น โดยเมื่อต้นสัปดาห์ก่อนพายุบุก พบรายงานว่าอุณหภูมิสูงถึง 45 องศา
นาย Ken Waters ผู้เชี่ยวชาญด้านพายุฝุ่น แสดงภาพให้เห็นว่า แท้จริงแล้วพายุฝุ่นนั้นมีอันตรายมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด “ส่วนใหญ่แล้วพายุฝุ่นส่งผลกระทบต่อสภาพการเดินทางบนท้องถนนเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อลมแรงพัดพาฝุ่นละอองมาทัศน์วิสัยก็จะเป็นศูนย์ ในสถานการณ์จริง คุณจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าลงไปอยู่บนถนนแล้ว” อีกทั้งมันก็ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน